สับปะรดกวนเเละหอยเเครงอบไพรสมุนไพร



วันนี้จัดตารางให้เป็นวันหยุดของตัวเอง แต่พอหยุดแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรดี หันไปเห็นสับปะรดที่น้องชายเอามาจากสวนมีอยู่เยอะแยะ  เลยจับมาทำเป็นสับปะรดกวนซะ  จะได้มีของหวานไว้กินหลังมื้ออาหารค่ะ ^_^
            
preserved pineapple 14
                                                                                                                                                                                                                                


                                                                               
                                                                เขียนโดย พิม @ ครัวบ้านพิม website ครัวบ้านพิม www.PIM.in.th

                  :: ส่วนผสม ::
- สับปะรด พันธุ์ปัตตาเวีย 2 ลูก น้ำหนักลูกละประมาณ 1500 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว  300 กรัม
- เกลือสมุทรป่น  1/2  ช้อนชา
- แบะแซ  2 ช้อนโต๊ะ  (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ / พิมไม่ได้ใส่)  
: วิธีทำ ::
อันดับแรกให้ปอกเปลือกสับปะรด และเฉือนตาสับปะรดออกให้หมดนะคะ จากนั้นก็สับสับปะรดไว้หยาบ ๆ ค่ะ  หรือถ้าใครชอบสับปะรดกวนที่เนื้อละเอียดหน่อย ก็ให้สับละเอียดนิดนึงนะคะ พอสับเสร็จ ก็ใส่สับปะรดลงในกระทะหรือหม้อที่เราจะใช้กวนค่ะ แล้วก็ใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป  ตามด้วยเกลือป่น  และถ้าใครจะใส่แบะแซ ก็ใส่พร้อมกันในขั้นตอนนี้เลยนะคะ  จากนั้นก็คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ก่อนจะนำไปตั้งบนเตาไฟ  โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรงอ่ะค่ะและหลังจากตั้งกระทะบนเตาไปประมาณ 10 นาที   ส่วนผสมในกระทะก็จะเริ่มเดือด  เราก็ใช้พายไม้หรือพายซิลิโคน คนเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ แต่ไม่ต้องคนตลอดอ่ะค่ะ และหลังจากตั้งกระทะบนเตาไปประมาณ 10 นาที   ส่วนผสมในกระทะก็จะเริ่มเดือด  เราก็ใช้พายไม้หรือพายซิลิโคน คนเรื่อย ๆ เป็นระยะ ๆ แต่ไม่ต้องคนตลอดอ่ะค่ะ จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที  เราก็จะได้สับปะรดกวนออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ คือมีความเหนียวแล้วก็แห้งกำลังดี  ดูไม่แฉะไม่เละอ่ะค่ะ  สำหรับเวลาที่ใช้ในการกวนสับปะรดแต่ละครั้งเนี่ย  จะไม่เป๊ะตามนี้ทุกครั้ง ขึ้นกับความแรงของไฟ  และขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำที่ออกมาจากสับปะรดด้วยอ่ะค่ะ 
ยังไงไปลองทำกันดูนะคะ  เป็นขนมที่ทำได้ไม่ยาก แถมอร่อยมากอีกด้วยอ่ะค่ะ     ^_^



หอยเเครงอบสมุนไพร

roasted cockle 03


: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
- หอยแครง  1  กิโล
- ใบมะกรูดแก่ สีเขียวเข้ม ใบใหญ่  10 ใบ
- ข่า ตะไคร้ ตามชอบ (แต่เผอิญว่าวันนี้ไม่มีค่ะ -*-) 
- กระเทียมไทยแกะเปลือก 2 ช้อนโต๊ะ
- รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูสวนสีเขียวแดง ปน ๆ กัน 1 +1/2  ช้อนโต๊ะ  (ถ้าชอบเผ็ดมากกว่านี้ ก็ใส่เพิ่มได้)
- น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 + 1/2 ช้อนโต๊ะ 

roasted cockle 14
:: วิธีทำ ::
เริ่มแรกเรามาดูวิธีล้าง #หอยแครง กันก่อนเน๊าะคะ    เพราะถ้าล้างไม่ดีเนี่ย  เวลาแกะหอยออกมาแล้วเจอโคลนในตัวหอย  จะกินไม่อร่อยอ่ะค่ะ  ซึ่งวิธีล้างหอยแครงก็ง่ายๆ  ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย  แต่อาจจะต้องเปลืองน้ำสักหน่อยนะคะ   ^_^
วิธีล้างก็คือ ..... ให้เราเอาหอยแครงใส่กาละมัง >> เทน้ำสะอาดตามลงไป >>   แล้วเอาสองมือกอบหอยขึ้นมาถู ๆ  กัน   >>  ถูไปถูมาจนน้ำในกาละมังขุ่นดำ  (น้ำแรก ๆ จะดำ เหมือนน้ำโคลน)   >>  ก็เทน้ำทิ้ง  >>  ใส่น้ำใหม่ลงไป  แล้วก็กอบหอยมาถู ๆ กันเหมือนเดิม สลับกับการเปลี่ยนน้ำ >>  จนน้ำในกาละมังใส ก็ใช้ได้อ่ะค่ะ   
และพอล้างหอยจนน้ำใสแล้ว ขั้นตอนต่อไป >>   ก็ให้เราใส่หอยลงในกาละมังเดิม  >>   เติมเกลือป่นลงไปสัก 2 ช้อนโต๊ะ ต่อหอย 1 กิโล  >>  แล้วเติมน้ำพอท่วม >>  ทิ้งไว้สักประมาณ 1 ชม. นะคะ  (วิธีนี้หอยจะไม่ตาย)  เพื่อให้หอยแครงคลายดินโคลนที่อมไว้ออกมานะคะ   หรือถ้ารีบ ก็ใช้วิธีทุบพริกขี้หนูเผ็ด ๆ ลงไปสัก 6-7 เม็ด แทนเกลือก็ได้  >>  แล้วพักไว้ประมาณ 30 นาทีอ่ะค่ะ   แต่วิธีนี้หอยจะตาย ทำเสร็จต้องเอาหอยมาทำกินเลยนะคะ   ^_^ 
ทีนี้พอแช่หอยในน้ำครบเวลา  >>  ก็เอามือลงไปคน ๆ หอยที่อยู่ในกาละมังเพื่อให้คายดินโคลนทรายที่เหลือออกมา >>   แล้วก็กอบเอาหอยไปใส่ไว้ในอีกกาละมังนึง  >>   ก่อนจะเทน้ำในกาละมังเดิมทิ้งไปนะคะ >>   แล้วก็ล้างหอยอีกสัก 2-3 น้ำ  จนน้ำใส ก็เทหอยใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ  เป็นอันว่ากระบวนการล้างหอยของเรา เสร็จเรียบร้อยแล้วอ่ะค่า

roasted cockle 12
ต่อมาก็ถึงขั้นตอนของการอบหอยล่ะนะคะ   ซึ่งเมื่อก่อนพิมก็จะอบหอยในเตาอบที่ทำขนมนี่แหละค่ะ แต่ว่ากลิ่นของหอยมันก็จะติดอยู่ในเตา  หลังอบเสร็จแล้ว ก็ต้องทำความสะอาด ดับกลิ่นกันยกใหญ่   ซึ่งพิมไม่ค่อยชอบเลย T___T   หลังๆ พิมก็เลยเปลี่ยนมาอบในหม้อทอดไร้น้ำมันแทนอ่ะค่ะ    แถมหม้อตัวที่พิมใช้  ยี่ห้อ Summer  รุ่น  Magic Chef   เค้ามีตะแกรงกลม  สำหรับทำอาหารประเภทคั่ว/อบที่ต้องพลิกกลับระหว่างทำมาให้ด้วย  พิมก็เลยยิ่งสะดวกเข้าไปใหญ่   หลัง ๆ จะอบหอย หรืออบอะไรประมาณนี้ พิมก็เลยใช้หม้อตัวนี้ตลอดนะคะ 
roasted cockle 15
วิธีอบหอยก็ไม่มีอะไรยุ่งยากค่ะ  แค่ใส่หอยและใบมะกรูดใส่ลงไปในตะแกรงนะคะ   หรือถ้าเพื่อนๆ  มีสมุนไพรสดอย่างอื่น  เช่น  ข่า ตะไคร้  ใบกะเพรา ใบโหระพาก็ใส่ลงไปด้วยได้อ่ะค่ะ   แต่เลือกเอาที่กลิ่นมันเข้ากันนิดนึง  ไม่งั้นถ้าใส่พวกกลิ่นแรง ๆ ไปหลายอย่าง กลิ่นมันจะตีกัน  ออกมาแล้วอาจจะไม่ค่อยหอมอย่างที่ใจคิดก็ได้นะคะ ^_^
roasted cockle 16
roasted cockle 17
แล้วก็ปิดฝา  ปิดตัวล๊อคตะแกรงให้เรียบร้อย  ระหว่างที่หม้อทำงาน  หอยจะได้ไม่หลุดออกมากระโดดโลดเต้นอ่ะค่ะ ^_^
roasted cockle 19
จากนั้นก็ตั้งอุณหภูมิในการอบที่ 250 องศา  ไฟแรงสุดเลย  กดปุ่ม Stir  (หมุน)   และตั้งเวลาที่ 15 นาทีอ่ะค่ะ   แต่ถ้าใครชอบหอยแบบสุกไม่มาก ยังมีเลือด มากบ้าง น้อยบ้าง   ตั้งแค่ 8-10 นาทีก็พอนะคะ   (ถ้าใช้หม้อทอดตัวนี้ ไม่ต้องวอร์มเตาเหมือนเตาอบ) 
roasted cockle 20
แล้วก็ปล่อยให้หม้อทอด ทำงานไปค่าาา  
roasted cockle 21
พอครบเวลา  เราก็เปิดฝาหม้อ แล้วก็เปิดตัวล๊อคตะแกรงอบหอย
roasted cockle 27
เราก็จะได้หอยอบสมุนไพรออกมาหน้าตาอย่างในภาพด้านล่างนี้นะคะ  ก็หยิบไปเทใส่จานได้เลยค่ะ
roasted cockle 28
แต่ทีนี้เนี่ย เรามีหอยอบแล้วเน๊าะ  แต่เรายังไม่มีน้ำจิ้มเลย เพราะงั้นเรามาทำน้ำจิ้มกันก่อนดีกว่านะคะ  ...... สำหรับคนที่จะทำน้ำจิ้มแบบโขลกเอาเอง  ก็ให้หยิบครกขึ้นมา ใส่รากผักชีหั่นลงไปโขลกให้ละเอียดก่อน  แล้วค่อยใส่กระเทียมกับพริกขี้หนูสวนตามลงไป  โขลกให้ละเอียดหยาบมากน้อยตามชอบ  แล้วตักออกมาใส่ชาม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย  คนให้เข้ากันดี  ก็ใช้ได้อ่ะค่ะ
ส่วนคนที่อยากจะทำน้ำจิ้มแบบไม่ต้องตำ ก็ให้หยิบอุปกรณ์จำพวกเครื่องปั่นขึ้นมานะคะ  (วันนี้พิมใช้เป็นเครื่องปั่นมือถือ Summer Magic Handy)    ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปในโถปั่น     แล้วก็เอาไปปั่นให้ละเอียดมากน้อยตามชอบเลยอ่ะค่ะ

roasted cockle 22
roasted cockle 24
roasted cockle 25
แล้วเราก็จะได้ออกมาเป็นน้ำจิ้มทะเลแซ่บ ๆ ข้น ๆ  แบบในภาพด้านล่างนี้นะคะ 
roasted cockle 26
ถึงเวลากิน ก็จัดหอยแครงอบสมุนไพรใส่จาน แล้วก็เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มที่เราทำเอาไว้อ่ะค่ะ  ^_^ 
roasted cockle 03
หอยแครงอบจานนี้เนี่ย ด้วยความที่พิมได้หอยสด ๆ ตัวอ้วนๆ มา เนื้อหอยก็เลยหวานมากกกก  แถมด้วยความที่เราอบกับใบมะกรูด  กลิ่นใบมะกรูดก็เลยจะซึมเข้าไปอยู่ในเนื้อหอย ตัวหอย  หอยก็เลยหอมกลิ่นใบมะกรูดมากๆ  ด้วยอ่ะค่ะ   แล้วพอเราเอามาจิ้มกับน้ำจิ้มที่เราทำไว้ ที่แบบว่ารสเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ดกลมกล่อม  มันก็เลยยิ่งแซ่บบบบ แบบเข้ากั๊นนเข้ากันนะคะ 
ก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้ไปลองทำกันดูค่ะ   แล้วจะพบว่าหอยแครงอบ ก็อร่อยไม่แพ้หอยแครงลวกเลย  ....... แล้วเจอกันใหม่ในเมนูถัดไปนะคะ สวัสดีค่า ^_^
เเหลงที่มาhttps://www.pim.in.th

10 ความคิดเห็น: